Astaxanthin กับฤทธ์ต้านอนุมูลอิสระ

แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) รงควัตถุสีแดงกับฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จัดเป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่ถูกค้นพบในสัตว์ทะเลและจุลินทรีย์หลากหลายชนิด ซึ่งองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริการับรองให้ใช้เป็นสารแต่งสีในอาหารปลาและอาหารมนุษย์

สารชนิดนี้จะพบได้มากในสาหร่ายสีเขียวชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Haematococcus pluvialis  ที่จะมีการสร้างและสะสมแอสตาแซนธินเมื่ออยู่ในสภาวะเครียดจากการขาดไนโตรเจน หรืออยู่ในน้ำที่มีความเค็มสูง สารสีแดงนี้จะมีการสะสมในสัตว์ที่กินสาหร่ายชนิดนี้เป็นอาหาร เช่น กุ้ง แซลมอน รวมไปถึงนกกระยางด้วย

สาหร่ายชนิดนี้หรือสัตว์ทะเลเป็นที่มาของสารแอสตาแซนธินสำหรับการใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของมนุษย์ ซึ่งมีประโยชน์มากมายในการป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติต่าง ๆ แอสตาแซนธินไม่ถูกสร้างในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จึงมีความจำเป็นต้องได้รับจากภายนอก

สรรพคุณของแอสตาแซนธิน

  1. ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เป็นที่รู้กันว่าแอสตาแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง

จากการศึกษาพบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ชนิดอื่น ๆ เช่น
เบต้าแคโรทีน ไลโคปีน และลูทีน รวมไปถึงวิตามิน E ที่มีฤทธิ์เด่นในการต้านอนุมูลอิสระ
 รวมทั้งมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดในผู้ที่มีน้ำหนักเกินและสูบบุหรี่

  • ช่วยบำรุงผิวหนัง มีการศึกษาพบว่าแอสตาแซนธินทั้งรูปแบบทาและรับประทานสามารถช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวหนัง
  • ประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย มีการศึกษาพบว่าแอสตาแซนธินช่วยในเรื่องความทนทานในการออกกำลังกาย ทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น รวมทั้งป้องกันการเสื่อมสลายของกระดูกและกล้ามเนื้อได้
  • แอสตาแซนธินมีประโยชน์ต่อหัวใจ ซึ่งจากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าสารชนิดนี้จะช่วยเพิ่มอีลาสตินและทำให้ผนังหัวใจแข็งแรงขึ้น
  • การทำงานของกระดูกและข้อ ผลของการศึกษาพบว่าแอสตาแซนธินช่วยลดอาการปวดและอักเสบของข้อ
  • ระบบสืบพันธุ์เพศชาย โดยมีผลการศึกษาว่าแอสตาแซนธินมีผลต่ออสุจิ โดยสามารถช่วยเพิ่มปริมาณและความแข็งแรงของอสุจิ

แอสตาแซนธิน สารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีสีแดงซึ่งได้มาจากสาหร่าย มีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระและคุณประโยชน์อื่นๆมากมาย จะเห็นได้ว่าผู้คนสามารถบริโภคสารชนิดนี้ได้ในหลายวัตถุประสงค์เพื่อบำรุงร่างกาย แต่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นอาจจะมีการศึกษาสนับสนุนไม่เพียงพอ จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของแอสตาแซนธินเพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุด

ขนาดที่แนะนำให้รับประทาน

ขนาดที่แนะนำในการบริโภคแอสตาแซนธินคือ 6-8 มิลลิกรัมต่อวัน แต่การบริโภคเพียง 4 มิลลิกรัมต่อวัน มีความเพียงพอที่จะป้องกันผิวจากรังสียูวีได้ และการใช้แอสตาแซนธิน 6 มิลลิกรัมต่อวัน มีฤทธิ์ช่วยบำรุงสายตา เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ลดริ้วรอยและลดอาการผิวแห้ง โดยแอสตาแซนธินจะต้องใช้เวลาในการสะสมในร่างกายเป็นเวลานานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ จึงควรใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์

เนื่องจากเป็นสารที่ละลายได้ดีในไขมัน ดังนั้นจึงควรรับประทานหลังอาหารทันทีเพื่อการดูดซึมที่ดี นอกจากนี้แม้ว่าแอสตาแซนธินจะเป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ แต่เมือเข้าสู่ร่างกายมนุษย์สารชนิดนี้จะไม่มีฤทธิ์ของวิตามิน A ซึ่งแตกต่างจากแคโรทีนอยด์ชนิดๆ ดังนั้นการใช้แอสตาแซนธินเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารถือว่ามีความปลอดภัย ซึ่งมีการศึกษาว่าสารชนิดนี้ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายแก่ร่างกาย แต่อาจก่อให้เกิดสีผิวที่ผิดปกติหากบริโภคในขนาดที่สูงเป็นระยะเวลานาน

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของแอสตาแซนธินมีคุณประโยชน์มากมายแก่ร่างกายมนุษย์ เช่น ช่วยในการบำรุงผิว บำรุงหัวใจ แก้อาการปวดข้อ และมีผลการศึกษาที่สนับสนุนประโยชน์ในการรักษามะเร็ง ซึ่งผลการศึกษาเหล่านี้อาจต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อยืนยันประสิทธิภาพที่ชัดเจน


เรียบเรียงโดย ภญ.มัณฑนา ไล่ชะพิษ

อ้างอิง

  1. Ambati RR, Phang SM, Ravi S, Aswathanarayana RG. Astaxanthin: sources, extraction, stability, biological activities and its commercial applications–a review. Mar Drugs. 2014;12(1):128-152. Published 2014 Jan 7. doi:10.3390/md12010128
  2. Clinical education. [Internet]. Astaxanthin: The Key to a New You [updated 2019 Aug 29; cited 2022 March 25]. Available from: www.clinicaleducation.org
  3. Medicover hospital. [Internet]. Astaxanthin [updated 2021 Mar 11; cited 2022 March 25]. Available from: www.medicoverhospitals.in/medicine/astaxanthin
  4. Wilson DR. [Internet]. 7 Potential Benefits of Astaxanthin [updated 2018 Sep 18; cited 2022 March 25]. Available from: https://www.healthline.com